วันเสาร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2557

เครื่องปรับอากาศ

เครื่องปรับอากาศ

  1. ควรเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศที่มีสลากประหยัดไฟ โดยปกติเป็นสติกเกอร์ติดอยู่กับเครื่องรับอากาศซึ่งสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณท์อุตสาหกรรม(สมอ. )
  2. ชนิดของเครื่องปรับอากาศที่นิยมใช้ในบ้านที่อยู่อาศัย ในปัจจุบันมีจำหน่ายในท้องตลาด 3 ชนิด คือ
    -ชนิดติดหน้าต่าง จะเหมาะสมกับห้องที่มีลักษณะที่ติดตั้งวงกบหน้าต่าง ติดกระจกช่องแสงติดตาย บานกระทุ้ง บานเกล็ด
    เป็นต้น มีขนาดตั้งแต่ 9,000-24,000 บีทียู/ชม.
    -ชนิดแยกส่วนติดฝาผนังหรือแขวน เหมาะสมกับห้องที่มีลักษณะทึบจะติดตั้งได้สวยงาม แต่จะมีราคาแพงกว่า
    เมื่อเปรียบเทียบ เครื่องปรับอากาศชนิดต่างๆที่มีขนาดเท่ากัน(บีทียู/ชม.) เครื่องปรับอากาศชนิดนี้ส่วนใหญ่จะมีประสิทธิภาพสูงกว่า และจะมีสวิตช์ควบคุมอัตโนมัติแบบอิเล็คทรอนิกส์ สำหรับควบคุมอุณหภูมิความเย็นของห้อง มีขนาดตั้งแต่
    8,000-24,000 บีทียู/ชม.
    -เครื่องปรับอากาศชนิดแยกส่วนจะตั้งพื้น จะเหมาะสมกับห้องที่มีลักษณะห้องที่เป็นกระจกทั้งหมด,ผนังทึบ ซึ่งไม่อาจเจาะช่องเพื่อติดตั้งได้เมื่อเปรียบเทียบเครื่องปรับอากาศชนิดต่างๆที่มีขนาดเท่ากัน เครื่องปรับอากาศชนิดนี้ส่วนใหญ่จะมีประสิทธิภาพต่ำกว่า มีขนาดตั้งแต่ 12,000-36,000 บีทียู/ชม.
  3. ควรเลือกขนาดของเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสมกับห้องที่ต้องการติดตั้งโดยที่ความสูงของห้องไม่เกิน 3 เมตร 
    พื้นที่ห้องตามความสูงไม่เกิน
    3 ม. (ตร.ม)
    ขนาดของเครื่องปรับอากาศ
    (บีทียู/ชั่วโมง)
    13-14
    7,000-9,000
    16-17
    9,000-12,000
    20
    11,000-13,000
    23-24
    13,000-16,000
    30
    18,000-20,000
    40
    24,000


    วิธีใช้เครื่องปรับอากาศให้ประหยัดพลังงาน
    1. ติดตั้งในที่เหมาะสมคือต้องสูงจากพื้นพอสมควรสามารถเปิดปิดปุ่มต่างๆ
      ได้สะดวกและเพื่อให้ความเย็นเป่าออกจากเครื่องได้หมุนเวียนภายในห้องอย่างทั่วถึง
    2. อย่าให้ความเย็นรั่วไหล ควรจะปิดประตูหรือหน้าต่างห้องให้มิดชิด
    3. ปรับปุ่มต่างๆให้เหมาะสมเมื่อเริ่มเปิดเครื่องควรตั้งความเร็วพัดลมไปที่ตำแหน่งสูงสุดและอุณหภูมิต่ำสุด
      เมื่อความเย็นพอเหมาะแล้วให้ตั้งไปที่อุณหภูมิ 26องศาเซลเซียส
    4. หมั่นทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศ อุปกรณ์ในระบบปรับอากาศและตะแกรง รวมทั้งชุดคอนเดนเซอร์ เพื่อให้อากาศผ่านเข้าออกได้สะดวกและประหยัดไฟโดยตรง
    5. ใช้พัดลมระบายอากาศเท่าที่จำเป็น
    6. ควรปิดเครื่องปรับอากาศเมื่อไม่มีความจำเป็นต้องใช้
    7. ในฤดูหนาวขณะที่อากาศไม่ร้อนมากเกินไป ไม่ควรเปิดเครื่องปรับอากาศ
    8. หมั่นตรวจสอบ ล้าง ทำความสะอาดตามระยะเวลา ที่ผู้ผลิตกำหนด
    9. หน้าต่างหรือบานกระจกควรจะป้องกันรังสีความร้อนที่เข้ามาดังนี้
      -ใช้อุปกรณ์บังแดดภายนอกมิให้กระจกถูกแสงแดด เช่นผ้าใบหรือแผงบังแดดหรือร่มเงาจากต้นไม้
      -ใช้กระจกหรือติดฟิล์มรังสีความร้อน
      -ใช้อุปกรณ์บังแดดภายใน เช่น ผ้าม่าน มู่ลี่ (กระจกด้านทิศใต้ให้ใช้ใบอยู่ในแนวนอน กระจกทิศตะวันออก-ตก
      ให้ใช้ใบที่อยู่ในแนวดิ่ง
    10. ผนังหรือเพดานโดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านที่มีแสงแดดส่องจะเก็บความร้อนไว้มาก ทำให้มีการสูญเสีย
      มากจึงต้องมีการป้องกันดังนี้
      -บุด้วยฉนวนกันความร้อนแผ่นฟิล์มอลูมิเนียมสะท้อนรังสีความร้อน
      -ทำที่บังแดด/หลังคา/ปลูกต้นไม้ด้านนอก
    11. พยายามอย่าใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้ความร้อนในห้องที่มีเครื่องปรับอากาศ ไฟส่องสว่างก็เป็นตัวให้ความร้อน
      จึงควรปิดไฟเมื่อมีความจำเป็น
    12. ชุดคอนเดนเซอร์ที่ใช้ระบายความร้อนสู่ภายนอก
      -ควรถูกแสงแดดให้น้อยที่สุด
      -ขจัดสิ่งกีดขวางทางลมให้ระบายอากาศได้สะดวก
      -อย่าติดตั้งให้ปะทะกับลมธรรมชาติโดยตรง
    คำแนะนำด้านความปลอดภัยของเครื่องปรับอากาศ
    1. ควรต่อระบบสายดินกับเครื่องปรับอากาศและทดสอบไฟรั่วด้วยไขควงลองไฟ
    2. เครื่องตัดไฟรั่วขนาดไม่เกิน 30 mA. หากป้องกันวงจรของเครื่องปรับอากาศด้วย อาจมีปัญหาเครื่องตัดไฟรั่วทำงานบ่อยขึ้นควรหลีกเลี่ยงโดยการแยกวงจรออกและใช้ขนาด 100 mA ป้องกันอีกชั้นหนึ่ง
    3. ติดตั้งเบรกเกอร์หรือสวิตช์อัตโนมัติและควบคุมวงจรโดยเฉพาะ
    4. กรณีมีไฟตกหรือไฟดับ ถ้าไม่มีสวิชต์ปลดสับเองโดยอัตโนมัติต้องรีบปิดเครื่องทันทีก่อนที่จะมีไฟมา
      และควรรอระยะเวลาประมาณ 3-5 นาที ก่อนจะสับสวิตช์เข้าใหม่
    5. หมั่นตรวจสอบขั้วและการเข้าสายของจุดต่อต่างๆอยู่เสมอ


อ้างอิง : http://www.supradit.com/contents/electrical/electric_save.htm

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น